วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

Gods Slayer : เกมฆ่า ล่าล้างเทพ [ บทที่ 1 ]

บทที่ 1 : The Boring Day / Say Yes / Say No

     หลังจากอาบน้ำและกินข้าวแล้ว ผมก็มานั่งเอื่อยเฉื่อยอยู่หน้าจอโทรทัศน์ เพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ซึ่งผมไม่มีเรียนพิเศษอะไร ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นวัยรุ่นที่อาจจะโชคดีคนนึงละน่ะ ที่ไม่ต้องไปเรียนพิเศษในวันหยุดแบบนี้ อ้อ ลืมบอกไป ผมชื่อกันย์ครับ [กันย์ สันตวัชระ] นักเรียนโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯนี่แหละครับ นอกจากฝันพิลึกๆที่ผมฝันทุกวันแล้ว ผมก็ไม่ได้ต่างจากเด็กวัยรุ่นทั่วๆไปหรอกนะครับ
     "สรุปแล้ว ไอ้หมาป่านั่นมันอะไรของมันเนี่ย จะมาหาเรื่องแดร๊กเราตั้ง 28 ครั้งแล้ว เพิ่งจะมาบอกชื่อแซ่เอาวันนี้เนี่ยนะ มันชื่ออะไรหว่า วอลฟกัง? วอลฟี?"
     "บ่นอะไรอยู่คะ พี่กันย์"
     "ว่ะ! อย่ามาแบบเงียบๆงี้ซิมีน หัวใจจะวายตาย" ผมพูดกับน้องสาวตัวดีของผม มีน [มินตรา สันตวัชระ]
     "แหม พูดยังกับคนแก่เลยนะค่ะ ก็พี่น่ะแหละ พูดอะไรอยู่คนเดียวละ หรือว่า..."
อะไรน่ะ ยัยนี่ รู้เรื่องความฝันของเราด้วยเรอะเนี่ย!?
     "ฝันเรื่องลามกใช่ม้า แหมๆๆ พี่ชายเราเนี่ยโตเป็นหนุ่มแล้วซิน้า"
     "เฮ้ย! จะบ้าเรอะไง ใครมันจะไปฝันบ้าๆแบบนั้นเล่า"

ทันใดนั้นเอง โทรสับมือถือของผมก็ดังขึ้น
     "ฮัลโหลๆ นี่ฉันเองนะ กรกฎเอง วันนี้ว่างใช่มั้ย "
     "หา? อย่าสรุปเองสิว่าใครว่างใครไม่ว่างนะ" 
     "แต่นายก็ว่างใช่มั้ยละ ออกมาเจอฉันหน่อยสิ "
     "อะไรเนี่ย ชวนเดทเรอะ?"
     "ไอ้บ้า! เหตุด่วนย่ะ เหตุ-ด่วน  อีกสามสิบนาทีเจอกันที่บ้านไอ้จักรนะ "
     "คร้าบๆ เจ้าแม่"
     "เรียกใครว่าเจ้าแ... " ผมรีบตัดสายก่อนที่จะโดนด่ามากไปกว่านี้
     "มีน เดี๋ยวพี่ออกไปข้างนอกหน่อยน่ะ ฝากบ้านด้วยละ"
     "ค่า~~~~" น้องสาวผมตอบเสียงใส ส่วนผมต้องรีบวิ่งออกจากบ้านไปเพราะขืนไปช้าโดนเจ้าแม่ด่ายับแหงๆ
     "ว่าแต่ พี่เราจะไปไหนกันนะ? ช่างเถอะ ไปเล่นเกมต่อดีกว่า"

     30 นาทีต่อมาผมก็มาอยู่หน้าห้องหมายเลข 593 ในคอนโดหรูกลางสุขุมวิท ใช่ครับ บ้านไอ้จักรมันอยู่ในทำเลที่ดีสุดๆครับ ติดรถไฟฟ้า และแน่นอนแพงสุดๆด้วย จักรคือเพื่อนของผมและกรกฎ ที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมต้นแล้ว
     ผมเปิดประตูเข้าไปและ ผลั่ก~~~~!!! ผมล้มลงกระแทกพื้นพรมอย่างจังเพราะแรงกระแทกตรงเอว เมื่อผมหันไปดูก็พบว่ามี [เท้า] และเจ้าของของเท้านั้นก็อยู่ตรงนั้นด้วย
     "ช้ามากย่ะ สายไปสี่นาที สามสิบเจ็ดวินาที"
     "โอ้ยยย เล่นอะไรเนี่ย" เจ้าของเท้านั้นคือ กรกฎ [กรกฎ วสันตฤดู]  เพื่อนสาวอายุ 16 ของผมเอง
     "ฮ่ะๆๆ อยากมาช้าเองนี่นา ไม่ไหวเลยนะนายนี่" จักร [จักรา มหารัตน์] พูดพลางหัวเราะเสียงดัง
     "ก็แกเป็นเจ้าของบ้านนี่หว่า ไม่ต้องรีบแบบฉันนี่ ว่าแต่ มีอะไรเรอะ ที่ว่า เหตุ-ด่วน น่ะ" ผมพูดพร้อมทำท่าประกอบคำว่า [เหตุด่วน]
     "อื้มๆ นายได้ดูข่าวบ้างรึปล่าวละ ที่ว่ามีนักเรียนหายตัวไปน่ะ" กรกฎตอบพร้อมทำท่ากอดอก
     "หืมม ก็ได้ยินอยู่นะ แล้วมันมีอะไรละ มันก็แค่คนหายไม่ใช่เรอะไง"
     "เฮ้อ ให้ตายเถอะ คิดได้สมกับเป็น [เจ้าชายธรรมดา] เลยน่ะ"
     "ม...หมายความว่าไงนะ พูดแบบนี้น่ะ" [เจ้าชายธรรมดา]คือฉายาที่พวกนี้เรียกผม เพราะว่าผมเป็นคนที่ชอบเรื่องปกติธรรมดามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เรื่องหวือหวานะ ผมไม่อยากยุ่งหรอกนะ
     "นายรู้รึปล่าวว่าทุกๆคนที่หายตัวไปนะ บอกกับพ่อแม่ตัวเองว่าตัวเองฝันแปลกๆนะ"
     "ฝัน...แปลกๆ" ฝันแบบไหนกันนะ หรือว่า...
     "ใช่ๆ เห็นฉลามยักษ์บ้างละ ปูยักษ์บ้างละ" จักรอธิบายเพิ่มเติม
     "สัตว์...ยักษ์ งั้นหรอ.....หรือว่า ไม่จริงน่า!" ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองอยากจะเป็นลมขึ้นมาเลย ใครก็ได้ กรกฎหรือจักรก็ได้ ตัดบททีเถอะว่านี่มันเป็นเรื่องอำเล่น ไม่ได้มีอะไรจริงจังน่ะ
     "เฮ้ๆๆ กันย์ นายเป็นอะไรมากปล่าวเนี่ย หน้าซีดเชียว ไม่สบายหรอไง" กรกฎถามอย่างตื่นตระหนก
     "ฉันมียานะ เอามั้ย" จักรพูด
     "ไม่เป็นไรๆ นี่พวกนายจะเชื่อมั้ย ถ้าฉันจะบอกว่า...ฉันฝันเห็นหมาป่ายักษ์น่ะ"
     "..... หึหึหึ ฮะฮ่ะ ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆๆ พูดบ้าไรวะเนี่ย"
     "เฮ้ยๆ กันย์ เก็บข่าวมาฝันเลยหรอเนี่ย ฮะๆๆๆ" จักรและกรกฎพากันหัวเราะเยาะผม
     "ฉันเห็นจริงๆนะเว้ย ไม่ได้คิดมากด้วย" ผมรีบพูดยืนยันความฝันของผม
     "ก็ได้ๆ เชื่อละๆว่าแกเห็น งั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อนมั้ย ดึกแล้วด้วย" กรกฎพูดกับผม
     "อื้ม ก็ดี ป่านนี้มีนรอแย่แล้วละ" ผมเริ่มเป็นห่วงน้องสาวขึ้นมา เพราะอดคิดไม่ได้ว่ายัยนั่นจะทำอะไรเป็นกับข้าวเย็นนี้ ยิ่งทำอาหารไม่เป็นอยู่ด้วย

     ผมออกมาจากห้องก่อนเพราะกรกฎบอกว่าขอเข้าห้องน้ำก่อน แล้วจะกลับทีหลัง สองคนนี้ชอบอยู่ด้วยกันสองต่อสองเรื่อย จนผมอดคิดไม่ได้ว่าสองคนนี้คบกันอยู่รึปล่าว?
     ในขณะที่ผมกำลังเดินลงจากรถไฟฟ้านั่นเอง ก็มีเสียงพูดขึ้นมาในหัวผม "โลกนี้น่ะ น่าเบื่อเกินไปใช่มั้ยละ" "อยากเปลี่ยนแปลงโลกนี้ใช่มั้ยละ" "มาสิ ไปสู่โลกใหม่ของเรากัน" ผมรีบหันกลับไปดู แต่ก็ไม่มีใครนอกจากผู้โดยสารที่ไม่มีอะไรผิดสังเกตุ 
     "หิวจนเบลอแล้วมั้ยละเรา" ผมพูดกับตัวเอง

     "นี่นายว่าหมอนั่นเห็นจริงๆรึปล่าว.....[โลกนั้น]น่ะ" กรกฎหันไปถามจักรที่ยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง
     "น่าจะใช่นะ ฉันรู้สึกได้ แล้ว[เทพ]ที่หมอนั่นเห็นน่ะ หมาป่ายักษ์ หรือว่าจะเป็น..."
     "วอลเฟน เทพหมาป่าเขี้ยวเงินแห่งเรโวร่า"
     "ลองไปถามหมอนั่นดูมั้ย [พระเจ้า]น่ะ"
     "คืนนี้ ฉันจัดการเอง"

     "กลับมาแล้วจ้า เย็นนี้มีอะไรกินเอ่ย?" ผมตะโกนถามเข้าไปในบ้าน
     "เย็นนี้มีซูชิค่า อร่อยมากเลยน้า" มีนรีบวิ่งออกมาหาผมทั้งที่ยังมีซูชิชิ้นโตอยู่ในปาก
     "โห ทำเองหรือเนี่ยเรา เก่งนี่นา"
     "หือ? พี่พูดอะไรเนี่ย หนูเนี่ยนะจะทำกับข้าว สั่งมาซิค่ะ"
     "หง่ะ! แล้วเอาเงินที่ไหนไปสั่งมาละ อย่าบอกนะว่า!!!"
     "ถูกต้องนะคร้า เงินของพี่นะแหละ ก็พี่อยากออกไปเที่ยวโดยไม่ทำกับข้าวไว้ก่อนทำไมละ"
     "นี่พี่เก็บไว้ไปดูหนังน้า โฮฮฮฮฮ มีนใจร้ายอ่ะ"
     "เชอะ อยากกินกับพี่กรกฎก็บอกมาเถอะ..."
     "หา? อะไรนะ พี่ไม่ได้ยินเลย"
     "อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะๆ .....ถ้าแม่ยังอยู่ก็คงดีสินะค่ะ"
     "ไม่เอาน่ามีน พูดแบบนี้ถ้าแม่ได้ยินเข้าละก็ โดนหักค่าขนมแหงๆ" ใช่แล้วครับ พ่อแม่พวกเราเสียชีวิตไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งก็ผ่านมาได้เกือบปีแล้ว โชคดีที่พวกท่านทำประกันฯไว้ พวกเราเลยไม่ลำบากเท่าไหร่ แต่เรื่องอาหารการกินก็แย่ลงละนะครับ ถ้าผมไม่อยู่บ้าน มีนก็เอาแต่กินอาหารสำเร็จรูป ไม่ก็สั่งเข้ามาทาน
     "ค่ะ! หนูว่าหนูไปเข้าชมรมทำอาหารมั่งดีกว่ามั้ยน้า" มีนพูดพร้อมกับยิ้มตาหยีให้ผม

     หลังจากทานอาหารเสร็จ ผมก็จัดการจัดกระเป๋าเตรียมไปเรียนในวันพรุ่งนี้ ผมล้มตัวลงนอนพร้อมกับคิดว่าขออย่าให้เจอไอ้หมาป่านั่นเลย วันนี้เหนื่อยมามากแล้วนะ
     "ท่าทางพระเจ้าคงเหม็นขี้หน้าผมสุดๆเลยใช่มั้ยเนี่ย" ผมพูดกับตัวเองหลังจากพบว่าตัวเองอยู่ใน Negative Space อีกแล้ว
     "ว่าไง อาหารมื้ออร่อยของข้า เจอกันอีกแล้วนะ หึหึหึ" วอลเฟนพูดแล้วแยกเขี้ยวสีเงินเงาวับออกมา
     "นี่ๆ ก่อนแกจะกินฉันน่ะ ช่วยบอกเกี่ยวกับเพื่อนๆแกหน่อยได้มั้ย พวกสัตว์ยักษ์นะ"
     "พวกข้าไม่ใช่สัตว์! พวกข้าคือเทพ เทพเจ้า!" วอลเฟนพูดแล้วพุ่งเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว
     "บ้าเอ้ย ไม่ให้ตั้งตัวเลยนะ" ผมกระโดดหลบ...แต่ทว่าขาของผมกลับถูกยึดอยู่กับพื้นด้วยน้ำแข็งแน่นหน้าจนดึงออกไม่ได้
     "อ๊ากกก" ผมแผดเสียงออกมาหลังจากพบว่ามีเลือดไหลออกมาจากไหล่ซ้ายของผม
     "แน่ดีนี่ โดนผลึกน้ำแข็งนิรันดร์ของข้าแล้ว ยังเบี่ยงตัวหลบได้อีกน่ะ"
     'บ้าน่า บ้าไปแล้ว นี่มันฝันน่ะ แล้วจะมีเลือดจริงๆ เจ็บจริงๆได้ยังไง ถ้าอย่างนั้น...ถ้าเราโดนมันกินล่ะ' ความคิดมากมายไหลเข้ามาในหัวผม เพื่อหาข้อสรุปว่าตกลงแล้วสถานการณ์นี้มันคืออะไรกัน!!?
     แกร๊กกๆๆๆ น้ำแข็งเริ่มค่อยๆขยายตัวขึ้น จนตอนนี้ส่วนเดียวที่ผมยังขยับได้คือแขนขวาเท่านั้นเอง วอลเฟนเกร็งขาหลังของมัน พร้อมที่จะทะยานเข้ามาคร่าชีวิตผมได้ทุกเมื่อ
     ตู้มมม วอลเฟนทะยานเข้ามาหาผมด้วยความเร็วสูง รู้ตัวอีกทีเขี้ยวคมราวหอกแหลมก็อยู่ที่คอผมแล้ว เอาเถอะ ตายไปได้ก็ดีแล้ว โลกน่าเบื่อๆแบบนี้นะ ไม่เอาอีกแล้ว ความคิดแบบนี้อยู่เต็มหัวผม อย่างน้อยก็ตายไม่มีห่วงละนะ .....ทันใดนั้นเอง
     "นี่ๆ วันนี้ว่างใช่มั้ยล่า ไปเที่ยวกันเถอะ" ภาพของเด็กสาววัยรุ่นผมสีดำ ตาสีน้ำตาลกลมโตสวยงามปรากฏขึ้นมาในหัวผม
     "ว่าไง วันนี้ไปกินข้าวทีไหนดีว่ะ" ภาพของเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับผม ย้อมผมสีทอง ตาเรียวเล็ก กำลังลากผมไปโรงอาหารโผล่มาในหัว
     "พี่ค่ะ วันนี้...หนูลองทำต้มยำละ ลองชิมหน่อยนะ" ภาพของเด็กผู้หญิงอายุน้อยกว่าผม ไว้ผมทรงโพนี่เทล ยิ้มตาหยีให้ผมพร้อมกับยกถ้วยต้มยำมาให้ผมลองชิม
     'ใช่แล้ว... โลกนี้มันก็ไม่ได้น่าเบื่อขนาดนั้นนี่นา ถ้าเราตายไป จักรกับกรกฎก็คงเหงาแย่เลยสินะ ยัยมีนก็คงไม่มีวันทำอาหารเป็น ยัยมีนก็ต้องอยู่คนเดียว' ผมลืมตาขึ้นมาพร้อมกับภาพของคนสำคัญในหัว
     "ถ้าหิวมากขนาดนั้น ก็ไปหากินเองซีโว้ยยยยยยยยยย" ผมแผดเสียงพร้อมกับเหวี่ยงมือขวาออกไปเป็นวงกว้าง
     บรึ้มมมมม~~~~~  พลั่ก!!! วอลเฟนกระเด็นหงายหลังกลิ้งไปจากแรงปะทะของอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่อยู่ในกำมือของผมตอนนี้
     "อะไรกันน่ะ ไอ้หนู ที่อยู่ในมือแกมัน อะไรกัน"
     "อะไรน่ะหรอ" ผมก็อยากรู้เหมือนกันละนะ ที่อยู่ในมือผมมันคืออาวุธคมเดียว ใบดาบสีเงินส่องประกายยาวประมาณ 1เมตร มีกั่นสีทองเงางาม ด้ามจับพันด้วยผ้ามีแดงสด ใช่แล้ว นี่มันคือดาบญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า [คาตานะ] นั่นเอง
     "แก... หรือว่าแกเองก็เป็น Slayer งั้นรึ!" วอลเฟนทำหน้าตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อผม
     "Slayer.... นักล่า.... งั้นรึ"
     วอลเฟนสังเกตุเห็นบาดแพลเนื่องจากคมดาบของผม
     "ไม่กินมันแล้ววว Slayer อย่างแก มันต้องตายยยยย!!! เรโวร่า!!!"
     ทันใดนั้นอากาศก็เกิดการเปลี่ยนแปลงในทันที หิมะสีขาวค่อยๆตกลงมาจากฟ้า พื้นถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ราวกลับว่าอยู่ในแดนน้ำแข็งยังไงยังงั้น
     "เฮ้ยๆ เกินไปแล้วมั้งน่ะ ที่ว่าเป็นเทพเนี่ย ไม่ได้โม้ซินะ" ผมค่อยๆใช้ดาบแซะน้ำแข็งออกจากร่างกาย น่าแปลกที่น้ำแข็งละลายทันทีที่ดาบของผมแตะโดน ราวกับว่าดาบของผมกำลังลุกเป็นไฟอยู่
     "อย่างน้อยก็ต้องสู้สินะ" ผมกระชับดาบให้เข้ากับมือมากขึ้น
     "Slayer ตาย!!!"
     วอลเฟนกระโจนขึ้นฟ้าแล้วพุ่งลงมาทางผม แต่ผมหลบได้อย่างฉิวเฉียด ราวกับผมมองเห็นล่วงหน้าว่ามันจะพุ่งลงมาทางไหน ร่างกายผมเคลื่อนไหวไปเองตามสัญชาตญาณ วอลเฟนต้องหยุดการเคลื่อนไหวเพราะแรงกระแทก แม้มันจะเป็นเวลาแค่เสี้ยววินาที แต่สำหรับผมตอนนี้ มันพอแล้ว!
     ฟึ่บ! ผมพุ่งตัวไปอยู่ใต้ท้องของมันแล้วฟาดดาบออกไปเต็มแรง
     เปรี้ยงงง!!! คลื่นดาบสีแดงพุ่งออกไปกระแทกท้องของวอลเฟน เลือดสีแดงไหลกระฉูดออกมาราวกับฝนเลือด
     "โบร๋วววววววววว" วอลเฟนหอนเสียงแหลม
     "ถึงจะเป็นเทพ แต่ก็ยังเป็นหมาละนะ"
     "ฆ่าข้าซะ ...Slayer แล้วเจ้าจะ ....ต้องเดินตามชะตากรรม ...ที่ขีดไว้ในฐานะของ ....นักล่า"
     "ไม่" ผมหันหลังให้วอลเฟน "ฉันไม่ใช่นักล่าอะไรของแก ฉันแค่อยากมีชีวิตธรรมดา"
     "ฮ่าๆๆๆ ธรรมดางั้นเหรอ แค่เจ้าได้สิ่งนั้นมาอยู่ในมือ ชีวิตเจ้าก็ไม่มีทางหันกลับแล้ว"
     ว่าแล้ววอลเฟนก็ใช้แรงเฮือกสุดท้ายยกอุ้งเท้าขึ้นมา แล้วฟาดลงมาที่ผม ผมยกดาบขึ้นกัน
     ผัวะ! ตึง~~~ อุ้งเท้าวอลเฟนกระเด็นออกไป ข้างหน้าผมมีผู้หญิงยืนยกขาอยู่ ท่าทางเธอจะเป็นคนที่เตะอุ้งเท้าของวอลเฟนออกไป แต่ดูจากด้านหลังแล้วเธอดูคุ้นตาผมมากๆ
     "ไม่ไหวเลยนะนายนี่ จำไว้ว่าอย่าได้ไว้ใจเทพเด็ดขาด โดยเฉพาะร่างสัตว์ พวกมันน่ะ เจ้าเล่ห์มากนะ" เสียงของเธอก็คุ้นหูผมมากเหมือนกันแฮะ
     "โลกนี้นะ มันไม่ธรรมดาแบบนายหรอกนะจ๊ะ เจ้าชายธรรมดาจ๋า" เธอหันมาพูดกับผม
     ".....กรกฎ" ผมอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก คนที่เตะอุ้งเท้ายักษ์ออกไปเมื่อกี้ คือเพื่อนของผมงั้นเรอะเนี่ย!!?
     "นี่มันเรื่องอะไรกันนะ กรกฎ อธิบายมาหน่อยซิ"
     "อ่า มันก็พูดลำบากนะ จะสรุปให้ฟังละกัน ที่นี่ก็คือ [โลก] เป็นสถานที่ที่มีอยู่จริง ไม่ใช่ฝัน ที่พวเรามาได้เป็นเพราะพวกเราถูกดึงเข้ามาร่วมเกมๆนึงแล้ว ซึ่งนายมีทางเลือกว่าจะเล่นเกมนี้ต่อไหม ถ้านายอยากเล่นต่อ ฉันจะพาไปหาผู้อยู่บนจุดสูงสุดเอง [พระเจ้า]น่ะ"
     "เกม ....งั้นรึ จะพยายามทำความเข้าใจละนะ"
     "เอาน่า ตอนแรกฉันก็เป็นแบบนายแหละ"
     "ง..งั้นเหรอ แล้วถ้าฉันไม่เล่นละ"
     "นายก็ได้กลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม นายเองคงอยากเป็นแบบนั้นใช่มั้ยละ"
     "โลกธรรมดาๆงั้นเหรอ เป็นสิ่งที่เหมาะสมกับฉันจริงๆนะ"
     "หืมมม ถ้าอย่างนั้นก็..."
     "แต่ที่นี่คือ Negative Space ทุกอย่างย่อมตรงข้ามกันสิ" ผมพูดพร้อมจ้องตากรกฎ
     "ห๊ะ?" กรกฎทำหน้างง
     "I Say Yes, พาฉันไปหาพระเจ้าเลย"
     "ฮิฮิ บ้าจังนะ นายน่ะ ตามมาให้ดีละกัน" กรกฎพูดแล้วเริ่มเดินนำผมไป


Next Chapter : Gods Slayer

Gods Slayer : เกมฆ่า ล่าล้างเทพ [Prologue]

Prologue : I Thought It A Dream

     "อีกแล้วหรือ ท้องฟ้าสีส้มแบบนี้อีกแล้วหรือ" ผมพูดกับตัวเอง หลังจากพบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่แปลกประหลาด ที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน แต่ที่แน่ๆ ผมมั่นใจว่าไม่ใช่โลกอันแสนน่าเบื่อใบเดิมแน่นอน ที่แห่งนี้ไม่มีอะไรเหมือน[โลก]ที่ผมอยู่เลยซักนิด ท้องฟ้าที่ควรจะเป็นสีฟ้า กลับกลายเป็นสีส้ม เมฆที่ควรจะเป็นสีขาว กลับกลายเป็นสีดำสนิท ตามความรู้วิชาศิลปะที่ผมได้เรียนตอนมัธยมต้น สีส้มเป็นสีตรงข้ามของสีฟ้า และ สีดำเป็นสีตรงข้ามของสีขาว ดังนั้นผมจึงเรียกที่นี่ว่า[Negative Space] ทำไมผมถึงต้องตั้งชื่อให้ไอ้สถานที่แปลกๆแบบนี้ด้วยนะหรือ ก็เพราะผมไม่ได้มาที่นี่เป็นครั้งแรกนะสิ นี่เป็นครั้งที่ 20...ไม่สิ 30 แล้วเห็นจะได้ ทุกๆครั้งที่ผมหลับ หรือ หมดสติไป ผมก็จะมาโผล่ที่ Negative Space ทุกครั้ง มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่ผมขึ้นมัธยมปลายแล้ว และถ้าผมไม่แก่จนความจำเลอะเลือนแล้วละก็...

     ตู้ม~~~~!!! เสียงดังสนั่นไปทั่ว ลมจากแรงปะทะพัดจนผมต้องก้มตัวลงเพื่อไม่ให้ตัวเองล้ม ต้นเหตุของเสียงและลมที่เกิดขึ้นนั้น คือสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายหมาป่าสีเทา เว้นเสียแต่ว่า เขี้ยวของมันใหญ่เท่าแขนผมนะสิ!


     "เจอกันอีกแล้วนะ อาหารมื้อสำคัญของข้า" หมาป่ายักษ์พูดพร้อมกับแยกเขี้ยวสีเงิน
     "เฮ้ยๆๆ นี่ก็เราก็เจอกันตั้ง 30 ครั้งแล้วนะเฟร้ย ยังมองว่าฉันเป็นอาหารของแกอยู่อีกเรอะไงหะ?"
     "หึหึ ครั้งที่ 28 ต่างหากละอาหารของข้า และไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้ง เจ้าก็ยังเป็นมื้อสำคัญของข้าอยู่ดี"
     พูดจบไอ้หมาป่ายักษ์นั่นก็วิ่งเข้ามาหาผมด้วยความเร็วเหลือเชื่อ
     "นี่แกตัวขนาดนั้น แต่วิ่งได้เร็วขนาดนี้ จะโกงไปหน่อยละมั้ง ไอ้บ้าเอ้ย" ผมหลบได้แบบฉิวเฉียด แต่ก็กลิ้ังล้มเพราะเสียหลัก
     "นี่มันฝันของฉันไม่ใช่เรอะไง เพราะฉะนั้นรีบๆหายไปซะทีน่า ถึงจะเป็นในฝันฉันก็ไม่อยากตายหรอกนะ" ผมพูดไปพลางปัดฝุ่นไปพลาง
     "หึหึหึ ฝันงั้นเหรอ จะคิดอะไรง่ายเกินไปหน่อยมั้ง อาหารของข้า ถ้าหากนี่เป็นฝันจริงๆละก็ เจ้าคงไม่ฝันซ้ำซากแบบนี้หรอกนะ"
     "หา? แล้วแกจะบอกว่านี่คืออะไรล่ะ ภาพหลอน? หรือว่าฉันหลงมาโลกอื่นเรอะไง นี่ไม่ใช่อนิเมะนะโว้ย"
     "จะอะไรก็ช่างเถอะ เพราะถึงข้าพูดไป เจ้าก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี"
     "เฮ้ยๆ อย่ามาดูถูกสมองฉันนะเฟร้ย คิดว่าฉันโง่ขนาดฟังเรื่องของหมาป่าอย่างแกไม่เข้าใจเรอะไง"
     "เลิกเรียกข้าว่าหมาป่าได้แล้ว ข้าคือ[วอลเฟน ซิลเวอร์แฟงก์] เทพหมาป่าผู้ปกครองเรโวร่า ดินแดนแห่งน้ำแข็งนิรันดร"
     "โอ๊ะโอ๋ ไงละ โดนเรียกชื่อมั่วๆแล้วโมโหใช่มั้ยละ ทีนี้ก็เลิกเรียกฉันว่าอาหารของแกได้แล้ว" ว่าแต่ว่าที่มันพูดคืออะไรหว่า เรโวร่า อยู่แถวไหนเนี่ย? ผมยังไม่ทันคิดออกว่าเรโวร่ามันอยู่แถวไหน วอลเฟน ก็พุ่งเข้ามาหาผม และแล้วก็...


     วูบบบบ~~~~ ทุกอย่างขาวโพลนไปหมด


     พลั่กๆๆ!!!! ผมลืมตาตื่นและพบว่าตัวเองอยู่ในสภาพน่าอนาถใจสุดๆ ขาพาดอยู่บนเตียง แต่ร่างกายช่วงบนกลับลงมานอนอยู่บนพื้น
     "โอยยย ท่าทางคอจะเคล็ดนะเนี่ย กี่โมงแล้วหว่า" ผมจับคอตัวเองเบาๆแล้วหันไปมองนาฬิกา ซึ่งตอนนี้บอกเวลาสิบโมงกว่าแล้ว ผมจึงเดินไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวกินข้าว
     "สรุปแล้วไอ้เรโวร่านี่มันอยู่ส่วนไหนของโลกวะเนี่ย?" ผมครุ่นคิดขณะเดินลงไปชั้นล่าง


Next Chapter : The Boring Day / Say Yes / Say No

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

สอบเลขมหาประลัย!!!

     อัพเดทช้าไปอีกแล้วสำหรับเหตุการณ์ล่าสุดที่บอกได้คำเดียวว่า"ปวดตับ" ไม่ว่าจะข้อสอบเลขที่โหดร้ายทารุณ ถึงขนาดอึ้งกันเกือบทั้งสนามสอบ พูดได้คำเดียวว่า"อะไรวะเนี่ยยยย" คือทั้ง 50 ข้อทำได้แค่ 8-13 ข้อที่ถูก จนหมดเวลาก็ทำไม่ทัน ( T_T)\  
     ตอนนี้ก็เลยทำได้แค่เล่นของไปวันๆ ด้วยการพูดแง่บวกบ้าง(Ex. เดี๋ยววันดูผล ไม่ต้องดูหรอกนะ รายงานตัวเลย) อะไรบ้าง ซึ่งถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ทุกคนติดละนะครับ เพราะทุกคนเองก็พยายามเต็มที่แล้วนิ อ่านหนังสือ, งดเล่นคอม(สุดโหด!), บางคนนี่อดนอนกันเลยนะนี่(ทำไปได้ สอบไหวเรอะนั่น) ส่วนถ้าใครไม่ติดก็นะ โรงเรียนเก่าก็ไม่ใช่ว่าแย่นี่ เราเรียนดี มหาลัยดีๆก็ไม่ไปไหนหรอกนะ (^__^)

     หลังจากสอบเสร็จก็เลยอยากพักบ้าง เลยชวนเพื่อนไปดูหนังกัน ซึ่งเรื่องที่ดูไม่ใช่ Suckseed หรือ ศพเด็กฯ แต่เป็น RANGO~~~~~~~~~


     คือตอนแรกที่ผมดูเทรลเลอร์ก็ขำนะ ตลกดี Chara-Design ก็แปลกดีด้วย เลยชวนเพื่อนๆ(รวมผมด้วย 3 คนเอง) ไปดูกัน ซึ่งทั้งโรงคนน้อยโฮก คงเพราะเป็นวันธรรมดาละนะ ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เพราะมีมุกแนวๆอยู่เรื่อย+ความขี้โม้และเสียงของจอนนี่ เด็ปป์ เลยเป็นเรื่องนึงที่น่าดูเลยละ
     จะแย่ก็ตรงที่ข้างหลังผมมันดันเป็นเด็กอะดิ เปิดมามันก็พูดขึ้นมาเลยว่า "เคยดูแล้วๆ" (Me : บ่นไรนักหนาวะ ดูแล้วก็กลับไปดิ) แถมยังเตะเบาะอีกตะหาก ผมกับเพื่อนก็หันไปดู ไอ้ผมเห็นว่าเด็กก็เซ็งๆแล้วหันมาดูต่อ แต่ไอ้เพื่อนนะสิไม่ยอมวุ้ย ไปมองหน้าแม่เด็กประมานว่า "ไม่ดูแลลูกคุณละ อย่าให้รบกวนดิ" เอาจริงๆผมว่าถ้าจะพาเด็กไปดูหนังนะ เอาไปไว้ไกลๆคนหน่อยก็ดี อย่างน้อยก็น่าจะรู้นะ ว่าลูกเป็นยังไง ควบคุมไม่ได้ก็เอาไปไว้ไกลๆคนสิครับ นี่อะไร เตะเบาะคนอื่นก็เฉย เดี๋ยวพอโตไป ลูกเกเร ก็พ่อแม่นะแหละ ไม่สอนให้ดีเองนี่หว่า
     


งูหางกระดิ่ง(ปืนกล -*-) เท่มากตอนจบ โคตรๆ

    
ไอ้นกพวกนี้นี่มันไม่ใช่เล่นๆนะ มีโชว์กีต้าร์ไฟฟ้าด้วยเว้ยๆ

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2554

ฝนตกหนัก // SunGlasseS [ SUPERRZAAAP ]

     อัพเดทช้าไปวันนึงแหะ เพราะว่าเมื่อวานฝนตกหนักเล่นซะเปียกโชกไปหมดเลยละนะ ไม่เช้าใจเหมือนกันว่าทำไมอยู่ดีๆฝนดันตกมาได้ ตอนออกจากสยามเห็นครึ้มๆก็เอะใจละ แต่เราออกจากที่เรียนพิเศษมันก็ 5:30 แล้วนา แดดคงหมดแล้วมั้ง ก็เลยกลับแบบสบายๆ เรื่อยๆ แวะดูหูฟังซะหน่อย กำลังขาดแขลนเลยเรา Audio Technica - sq5 เองก็น่าสน หรือจะ Pioneer ดีหว่า? พอนั่ง BTS ไปถึงหมอชิตเท่านั้นแหละ พ่อก็โทรมา"ฝนมันตกหนักนะ จะไปรอตรงไหนดี".......
     สุดตรี* แล้วไหมละ ไอ้เราก็อยากเท่ พกของน้อยๆเข้าไว้ (มือขวา-ถุงกระดาษลาย SUPERRZAAAP ข้างในมีแว่นกันแดด // มือซ้าย-หนังสือเรียนและปากกา) ในใจได้แต่คิดว่า"ชิปหายแล้ว!!!" (*_*) แต่ก็คิดว่าฝนแค่นี้จะทำไรเราได้วะ ลุยมันเลยยย และก็....วิ่งตาเหลือกไปขึ้นรถจนได้ แต่ก็เปียกโชกขนาดต้องเปลี่ยนเสื้อ แล้วกางเกงนะหรือ...ถอดสิครับ ใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวนี่หละวะ! โชคร้าย ถุงที่อุตส่าห์ถือแบบพยายามไม่ให้ยับ กลับกลายเป็นขยะ Recycle ไปซะแล้ว โชคยังดีที่แว่นไม่เป็นไร (=.=) มือถือก็ต้องรีบแยกชิ้นส่วนโดยเร็ว ยังดีที่ iPod ใส่ซิลิโคนไว้เลยรอดได้
     เอาละๆ มาดูแว่นกันดีกว่า สำหรับแว่นอันนี้(ใครรู้ว่าลักษณะนามของแว่นคืออะไร บอกหน่อยดิ -*-)  เป็นของ Brand อะไรผมก็ยังไม่รู้เลย เพราะบนตัวแว่นเขียนแค่ Hand Polished เท่านั้นเอง แต่ที่ซื้อก็เพราะมันขายอยู่ใน SUPERRZAAAP+ลดราคาเยอะโคตรๆ (300 from 1500) เลยรีบสอยมาซะ 


อัดแฟลชแรงไปหน่อย


พอดีที่บ้านมันมึดครับ ไฟฟ้ายังไม่เข้า(ฮา)


ไม่ค่อยชัดนะครับ กล้องมือถือ


     ความจริงก็อยากได้สีดำเหมือนกันแหละ เพราะถ้าสีขาวมันจะซ้ำกับแว่นสายตาที่ใส่อยู่ประจำ แต่ว่าแว่นกรอบดำ เลนส์ดำกว่า มืดมาก ไม่ชอบ ชอบเลนส์สีชาครับ เลยเอาอันนี้ดีกว่า 
^____^

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2554

Anime Saimoe 2011 - Phase 1 Day 2

     วันนี้ไม่ขอพล่ามอะไรมากนะครับ แค่จะมาบอกเล่ากันว่าผมโหวตให้ใครไปบ้างใน Saimoe ปีนี้ ซึ่งเซงมากๆๆ เพราะไม่ทันได้โหวตของ Day 1 เพราะเมื่อวานเอาแต่ดีใจที่สอบติด เลยลืมเข้าไปเช็คเวลาโหวต -*- เอาละครับ ปีนี้ผมเชียร์เมะใหม่สุดใจละเน้อ!!! ( *0*)/

ARENA 01:        Taneshima Poplar    Okazaki Ushio    [[Asahina Mikuru]]
ARENA 02:        [[Lala Satalin Deviluke]]    Hirasawa Yui    Uiharu Kazari
ARENA 03:        Ichinose Kotomi    Victorique de Blois    [[Laura Bodewig]]
ARENA 04:        Kotobuki Tsumugi    [[Rose]]    Yin
ARENA 05:        [[Astraea]]    Yūki Mikan    Izumi Konata
ARENA 06:        [[Sanzen'in Nagi]]    Alice    Morishima Haruka
ARENA 07:        Kinomoto Sakura    [[Eucliwood Hellscythe]]    Nishizawa Ayumu
ARENA 08:        Oikawa Tsurara    Tsukuyomi Komoe    [[Sakagami Tomoyo]]
ARENA 09:        Furude Rika    [[Kotegawa Yui]]    C.C.
ARENA 10:        Akaba Chizuru    [[Haruna]]    Akemi Homura
ARENA 11:        [[Seraphim]]    Saber    Stocking
ARENA 12:        Yui    [[Holo]]    Furude Hanyū
ARENA 13:        Nessa    [[Fate Testarossa]]    Kaname Madoka
ARENA 14:        Kanzaki Kaori    [[Fujibayashi Kyō]]    Tomoe Mami
ARENA 15:        [[Kōsaka Kirino]]    Sonohara Anri    Hecate
ARENA 16:        Hiiragi Kagami    Shiina    [[Shiina Minatsu]]
ARENA 17:        Louise Vallière    Furukawa Nagisa    [[Sōryū Asuka Langley]]
ARENA 18:        [[Ryūgū Rena]]    Suiseiseki    Yamada Aoi
ARENA 19:        Ayanami Rei    Ibuki Fūko    [[Shiina Mafuyu]]
ARENA 20:        [[งดออกเสียง]]    Gokō Ruri (Kuroneko)    Kataoka Yūki    Hinamori Amu
ARENA 21:        [[Ōkami Ryōko]]    Senjōgahara Hitagi    Sōseiseki
ARENA 22:        [[Cecilia Alcott]]    Sengoku Nadeko    Nino
ARENA 23:        [[Isurugi Mio]]    Amakusa Shino    Tōsaka Rin
ARENA 24:        Tachibana Kanade    Tamura Manami    [[Nakagawa Kanon]]


     สำหรับชื่อที่ถมแดงไว้คือตัวละครที่ผมโหวตให้นะครับ ขอโทดด้วยนะครับที่ลงแบบเป็นภาพไม่เป็นหงะ ( T_T)b // Sorry For My Stupidity In HTML Knowledge.

http://www.internationalsaimoe.com/   <<<< ชอบใครรักใคร กดเข้าไปโหวตเลย!!!